บาปทางใจ
คนเราฆ่าก็ตายไม่ฆ่าก็ตาย เพียงแต่เวลาตายช้าตายเร็วเท่านั้น บางคนก็แก่ตาย บางคนก็ตายเพราะอุบัติเหตุการตายมีทางตายได้มากมาย ทั้งตายง่ายตายยาก แต่ก็ไม่พ้นเกิดแก่เจ็บตายเป็นทางสุดของชีวิต แต่ถ้าเราไปฆ่าให้เขาตายแม้กฎหมายอาญาจะเอาโทษไม่ได้แต่บาปนั้นจะฝังติดอยู่ในความรู้สึกเป็นกรรมสิงอยู่ในใจตลอดไป บาปเกิดขึ้นทางใจในชีวิตจะหาความสงบสุขไม่ได้ จนกว่าชีวิตจะดับไปจากโลก
เมื่อข้าพเจ้าเขียนหนังสือเล่มแรก มีเพื่อนผู้หนึ่งทำงานอยู่กับบริษัทไทยเดินเรือทะเล ไปเป็นนายท่าจังหวัดสงขลาหรือผู้จัดการอยู่ทางภาคใต้ เป็นคนดื่มจัดชนิดหัวราน้ำ ภายหลังได้ย้ายกลับมากรุงเทพฯ แต่ก็ยังเมาอย่างเดิม เวลาเมาก็สนุกสนานเฮฮา ร้องรำทำเพลงตามสโมสรและบ้านเพื่อนๆ แต่แล้วต่อมาไม่นานเพื่อนกลับเนื้อกลับตัวได้ ตัดสินใจเลิกดื่มอย่างเด็ดขาด กลับเป็นคนธรรมะธรรมโมเข้าหาพระรักษาศีล เราพบกันที่สโมสรเสมอ และเป็นผู้ที่สนับสนุนช่วยเหลือข้าพเจ้า ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย เป็นคนแรกที่ช่วยติดต่อพิมพ์หนังสือเล่มแรก เรื่องทำดีได้ดี
ทำชั่วได้ชั่ว หรือ กฎแห่งกรรม และได้นำไปถวายสมเด็จป๋าเป็นเล่มแรกและแจกในงานทอดกฐินที่วัดประสบสุข จังหวัดสุพรรณบุรีและแจกจ่ายไปตามเพื่อนฝูงกว้างขวางออกไป แม้แต่บัดนี้ร่างของเพื่อนได้จากโลกมนุษย์ไปแล้วก็ตาม แต่ข้าพเจ้าก็ไม่มีวันลืมความดีของเพื่อนผู้นี้
คุณศรีโพธิ หลังจากเลิกดื่มเหล้าอย่างเด็ดขาดแล้วก็มักจะไปศึกษาธรรมะตามวัดและได้ชักนำข้าพเจ้าไปรู้จักกับพระหลายองค์หลายวัดทั้งในพระนคร ธนบุรีและต่างจังหวัดบอกว่าการสนทนากับพระที่ท่านปฏิบัติเคร่งแล้วทำจิตใจสงบผิดกับเที่ยวสนุกสนานเฮฮากันตามสโมสรซึ่งสนุกก็เพียงแต่ชั่วครู่ชั่วยามแล้วก็เมาโซเซกลับบ้าน ใช้ชีวิตไปวันหนึ่งๆไม่มีความหมายในอนาคต เมาแล้วพูดจาไม่รู้เรื่องได้แต่สนุกสนานกับเพื่อนฝูงเท่านั้นหาความสงบไม่ได้เพราะเช้าขึ้นบางทีก็ปวดหัวและอ่อนเพลียก็ต้องถอนความอ่อนเพลียด้วยเหล้าอีก ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากสังคมเฮฮาตามภาษาของคนเมา พูดจากิริยาขวางหูขวางตาคนที่ไม่เมามัวสนุกหัวหกก้นขวิด เมื่อมาคิดดูอายุก็ยิ่งมากขึ้นทุกวันมักขาดสติทำอะไรที่เวลาไม่เมาทำไม่ได้ พูดอะไรออกไปก็ไม่ได้คิด คนชอบก็มีคนชังก็มากนึกอายเมื่อเวลาหายเมาร่างกายนับจะทรุดโทรมลง คิดแล้วจึงอยากจะเลิก หยุดดื่มข้าพเจ้าก็พลอยยินดีและสนับสนุนให้เลิกดื่ม ครั้งนั้นข้าพเจ้าจำได้ว่าเขียนหนังสือได้ถึงเรื่องที่ ๑๐ เป็นเรื่อง ครั้งหนึ่งในชีวิต และเป็นเรื่องประสบการณ์ที่ทำให้ข้าพเจ้าเลิกดื่มเหล้าครั้งนั้นอย่างเด็ดขาด เรื่องนี้ทำให้เพื่อนๆ หลายท่านเลิกดื่มเหล้าไปด้วย
ข้าพเจ้ายังจำได้ว่าวันหนึ่งเราสองคนหาอาหารเที่ยงกินแล้วก็เดินทางไปหาพระที่วัดและเดินเข้าไปที่กุฏิที่สร้างอยู่อย่างโดดเดียวหลังวัดที่ห่างจากกุฏิอื่นๆ ที่อยู่เป็นหมู่คณะเพื่อนได้พาข้าพเจ้าไปพบพระภิกษุสูงอายุองค์หนึ่ง ในเวลานั้นในกุฏิของท่านไม่มีใครนอกจากเรา ๒ คนกับพระภิกษุสูงอายุองค์เดียวเท่านั้น จำได้ว่าเป็นเวลาบ่ายแล้ว ก่อนหน้าที่จะพาข้าพเจ้าไปพบพระองค์นี้ เพื่อนได้บอกว่าพระองค์นี้ท่านมีอะไรที่น่าสนใจมาก จึงอยากให้ข้าพเจ้าไปรู้จักกับท่านเมื่อขึ้นไปบนกุฏิกราบนมัสการพระพุทธรูปแล้ว ก็กราบท่านแล้วก็นั่งลงสนทนา ท่านได้ชงน้ำชากาเล็กๆ ซึ่งใช้ต้มน้ำด้วยตะเกียงลานสมัยก่อนและชาลงในปั้นเล็กๆ แล้วรินลงในถ้วยน้อยๆ สำหรับจับกินทีละนิดแบบคนจีนว่าเป็นชาคอทำให้ชุ่มในลำคอ เพื่อนได้สนทนาในเรื่องนั่งสมาธิและวิปัสสนา ข้าพเจ้าก็ได้แต่นั่งฟังเพราะไม่มีความรู้ ไม่ได้สนใจศึกษามาก่อน เวลาผ่านไปไม่นานนักท่านก็หันมาพูดกับข้าพเจ้าว่า
อาตมามีเรื่องจะเล่าให้คุณฟังสักเรื่องหนึ่งขอให้คุณเอาไปพิจารณาดูเอง เผื่อนจะเป็นประโยชน์บ้าง หากว่าไม่มีประโยชน์ก็ไม่เป็นไร เหตุการณ์เรื่องที่อาตมาจะเล่าให้คุณฟังนี้ แม้เรื่องจะเกิดขึ้นนานแล้วอาตมาก็ยังจำได้ดี เมื่อท่านพูดเท่านี้ท่านก็หยุดนิ่งคล้ายกับระลึกถึงความทรงจำเพื่อความแน่ใจ แล้วท่านก็พูดต่อไปด้วยเสียงค่อยๆ แสดงว่าท่านต้องใช้ความคิดไตร่ตรองเรียกร้องความทรงจำในอดีตเพื่อระบายเรื่องออกมาให้เราฟังอย่างช้าๆ ว่า
เมื่อครั้งอาตมายังมีอายุประมาณสามสิบกว่าปี เวลานั้นอาตมายังเป็นฆราวาส เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน อาตมาจะเล่าย่อๆ ให้ฟังว่า
สมัยนั้น มีคหบดีอยู่ผู้หนึ่งแต่นิสัยออกจะเกะกะเป็นนักเลงหัวไม้ที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นแต่เป็นผู้มั่งคั่งกว่าผู้อื่นในตำบลนั้น ส่วนการประพฤติตนนั้นไม่สมกับผู้อยู่ในร่มโพธิ์แห่งพระพุทธศาสนา เพราะห่างศีลธรรมและมนุษย์ธรรมไม่ได้สนใจในการปฏิบัติในทางดี เพราะมัวเมาแต่กิเลสตัณหาราคะหลงระเริงในกามตัณหา คบแต่นักเลงหัวไม้ นักเลงสุรา นักเลงผู้หญิง กิเลสทุกอย่างเป็นทางทำให้ยิ่งห่างไกลจากหลักธรรมของพระพุทธศาสนา พวกเป็นภัยต่อสังคมพวกนักเลงส่วนมากมักจะหนีไม่พ้นการก่อเหตุให้เกิดชิงดีชิงเด่นในการหาเรื่องทะเลาะวิวาทกันอยู่เสมอ เป็นธรรมดาทางโลกพวกนักเลงจิตต่ำก็อยากเด่นอยากโด่งดังในทางตีรันฟันแทง อยากให้พวกนักเลงยกย่องให้เป็นลูกพี่และอวดชาวบ้านว่าฉันนี้โต พอออกชื่อก็มีคนกลัวทั่วไป แต่หารู้ความจริงว่าชาวบ้านที่เป็นพลเมืองดีเขาทั้งเกลียดทั้งกลัวสันดานอันธพาล ต่อหน้าก็แกล้งยกย่องเรียกว่าพี่ ลับหลังก็แช่งด่าให้มันฉิบหาย นี่ก็เห็นได้ว่าทำให้ชีวิตตกต่ำลงเพราะนักเลงที่ว่าเก่งนั้นย่อมไม่ถาวรยั่งยืน ในโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ไม่ช้าก็มีคนเก่งกว่าดีกว่าขึ้นมาแทนที่อยู่เสมอ ดังคหบดีที่อาตมาเล่ามานี้ก็หนีการทำลายล้างการชิงดีชิงเด่นไม่พ้นเช่นเดียวกัน ในเวลานั้นเกิดมีนักเลงหัวไม้เกิดขึ้นอีกพวกหนึ่ง มีการแข่งรัศมีชิงความเป็นใหญ่เกิดขึ้น โบราณว่านักเลงก็เหมือนราชสีห์ถ้ำเดียวจะเป็นใหญ่สองตัวไม่ได้ เป็นธรรมดาใครมีสติปัญญาและมีทรัพย์มากกว่า เดินอุบายทำลายล้างอีกฝ่ายหนึ่งอย่างแยบคายกว่าย่อมเป็นฝ่ายชนะ
การเดินแต้มคู่ของคหบดีผู้นั้นมีแต้มสูงกว่า เพราะได้ไปทำความสนิทสนมลับๆ กับเพื่อนสนิทของนักเลงคู่แข่งไม่มีใครรู้ ใช้เงินเป็นสื่อสนิทสนมจนเป็นที่ไว้วางใจได้ เงินทำให้คนโลภใจต่ำเปลี่ยนจิตใจ คนทำได้ทุกอย่างแม้จะทรยศต่อเพื่อนที่รักกันมานามนานก็กลายเป็นศัตรูกันได้เมื่อเงินมากพอที่จะเข้าไปถึงจุดทำลายมิตรภาพได้ ทั้งศัตรูคู่แข่งไม่รู้ว่าเกลือเป็นหนอน คหบดีผู้นั้นเดินแต้มอุบายพอถึงจุดที่เห็นว่าสามารถจะลงมือดำเนินงานขั้นเด็ดขาดได้ ก็ได้นัดเพื่อนสนิทของจอมนักเลงคู่แข่งขันมาพบกันในที่ลับๆ และยื่นคำขาดให้เงินรางวัลเป็นเงินยี่สิบชั่ง ซึ่งสมัยนั้นนายอำเภอมีเงินเดือนสี่สิบบาท ถ้าพูดถึงเงินยี่สิบชั่งมีค่ามากมายในเวลานั้น เมื่อได้ฟังข้อเสนอแล้วเพื่อนสนิทของนักเลงก็งงตกตะลึงจังงังนิ่งไป พูดอะไรไม่ออกเพราะไม่เคยนึกว่าจะมาได้ยินคำพูดเช่นนี้ คหบดีผู้นั้นเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของนักเลงคู่แข่งนิ่งอยู่ก็ไม่สบายใจเพราะเรียนรู้นิสัยคนผู้นี้ดีว่าเป็นคนโลภ เห็นแก่ได้ ไม่สนใคร ขอให้ได้เงินเท่านั้นทำได้ทุกอย่าง เมื่อมาเห็นนิ่งไม่เปิดปากพูดว่าจะรับหรือปฏิเสธก็ทำให้กระวนกระวายใจที่รอคำตอบในการตัดสินใจของชายผู้นั้นด้วยความใจร้อน เพราะชายผู้นี้รู้แผนการลับของคหบดีผู้นั้นเสียแล้ว จึงพูดเสนอขึ้นอีกว่า ถ้ายังเห็นว่าน้อยก็ขอเพิ่มอีกห้าชั่ง รวมเป็นยี่สิบห้าชั่ง จะตกลงไหม
ความจริงชายผู้นั้นไม่ทันรับปากก็เพราะยังชั่งใจไม่ถูกระหว่างชีวิตของเพื่อนรักกับเงินยี่สิบชั่งใครจะหนักกว่ากันแต่เงินยี่สิบชั่งสมัยนั้นก็ไม่ใช่น้อย ยังติดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกเอาชีวิตเพื่อไว้หรือฆ่าเพื่อนเพื่อเอาเงินยี่สิบชั่งดี การนิ่งก็เพราะยังตัดสินใจไม่ถูกเพราะน้ำหนักระหว่างเพื่อนกับเงินนั้นเสมอกัน แต่พอได้ยินคหบดีผู้นั้นเพิ่มเงินอีกห้าชั่งก็เป็นอันว่าน้ำหนักเงินมากกว่า ในสมัยนั้นการประกาศจับเสือร้าย เช่น เสือเปียและเสืออั้นก็ให้รางวัลเพียงห้าร้อยบาทเท่านั้น มีหมายประกาศปิดทั่วเมือง ทำให้ลูกน้องคิดทำลายลูกพี่ได้เพราะโลภหวังเงินรางวัลก็มี ฉะนั้นเงินยี่สิบห้าชั่งก็มากพอทำให้ทรยศต่อเพื่อนรัก เมื่อเงินหนักกว่าชีวิตของเพื่อนก็ไม่มีอะไรชัดข้อง ชายผู้นั้นก็ตกลงรับปากว่าจะจัดการให้เรียบร้อยแต่ก็มีข้อแม้หากเพื่อนตายแล้ว พอเรื่องสงบเรียบร้อยแล้วก็จะขอไปเป็นลูกน้องคหบดีผู้นั้นด้วย ขอให้ตอบตกลงหรือไม่ คหบดีก็ตอบตกลงทันทีแล้วก็มอบเงินไปให้ก่อนเป็นเงินมัดจำจำนวนสองชั่ง ความโลภ-ทำให้คนมีปัญญาทรามจิตใจต่ำชั่ว ฆ่าได้แม้เพื่อนที่เคยรัก ทั้งไม่มีการโกรธเคืองมาก่อน ความโลภก่อความพินาศให้แก่สังคมได้คนชนิดนี้เป็นพวกที่ก่อศัตรูเป็นภัยที่ร้ายแรง หาเคราะห์ร้ายใส่ตัวเองเพราะโลภ ขาดสติปัญญา พระท่านจึงสอนไว้ว่าผู้ใดฆ่าความโลภได้ ผู้นั้นย่อมมีความสุข
พระภิกษุสูงอายุท่านเล่ามาถึงแค่นี้ ท่านก็ให้ข้อคิดในหลักธรรมะและท่านก็จับน้ำชาแล้วท่านก็พูดต่อไปว่า
หลังจากนั้นมาไม่กี่วันนี้ ข่าวการตายของจอมนักเลงคู่แข่งก็เกิดขึ้น ทางการก็ไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้เพราะไม่ร่องรอยของผู้ร้าย แม้ทางพลตระเวนในสมัยนั้นจะพยายามสืบหาตัวคนร้ายมาลงโทษก็คว้าน้ำเหลวเพราะคนร้ายไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้ให้ติดตามเลย นี่ก็เป็นเพราะความไว้วางใจผู้ใกล้ชิดภัยอันตรายอย่างไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นชายผู้นั้นก็นัดรับเงินค่าจ้างที่สังหารและนัดไปรับเงินที่เปลี่ยวห่างผู้ห่างคนที่หนึ่งเข้าไปในปลายคลองลึกไม่มีผู้คน สมัยนั้นยังเป็นป่าเป็นดง
คหบดีผู้นั้นก็แอบเอาเงินใส่ไว้ในเรือพายเป็นเงินยี่สิบสามชั่ง สมัยนั้นใช้เงินเหรียญบาท แบงค์ยังมีใช้ไม่มาก มีใบละสิบบาทและยี่สิบบาท ชาวบ้านไม่นิยมใช้เพราะชอบเหรียญบาท ส่วนมากชาวบ้านชอบเอาเงินใส่ไหฝังดิน ฉะนั้นเงินใช่ทั่วไปจึงเป็นเหรียญบาทใส่ถุงผ้าใบ นอกจากเอาเงินใส่เรือไปแล้วยังพกปืนบราวน์นิงไปด้วยเพื่อป้องกันตัว
เมื่อพายเรือเข้าไปในคลองลึก เข้าไปในที่เปลี่ยวแล้วก็อดคิดเป็นห่วงไม่ได้ว่าชายผู้นี้จิตใจเหี้ยมโหดดุร้ายมากแม้แต่เพื่อนที่รักก็ยังทำลายชีวิตเพื่อเห็นแก่เงินได้ คนเช่นนี้เข้าใกล้ชิดก็เหมือนงูพิษ ไม่รู้มันจะทำร้ายเมื่อไร ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น แต่ก็ได้รับปากไว้ว่าจะรับมาเป็นลูกน้องใกล้ชิดเกิดไม่อยากเอาคนใจชั่วอย่างนี้เป็นลูกน้องจะทำอย่างไรดี และหากมันได้เงินที่ให้นี้คงเอาไปใช้จ่ายอย่างสนุกสนาน เกิดมีเจ้าหน้าที่สงสัยถูกจับก็คงถูกซักถามจะรักษาความลับไม่อยู่ คงจะบอกว่าใครเป็นผู้ให้เงิน ใครเป็นผู้จ้างเปิดเผยออกมาจะทำอย่างไร คนชนิดนี้เลี้ยงไม่ได้ไม่มีซื่อกับใคร คหบดีผู้นั้นยิ่งคิดก็ยิ่งวิตก นึกหวาดกลัวไม่สบายใจมากขึ้น เรือก็กำลังจะใกล้จุดที่นัดพบแล้ว ก็ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี ยิ่งคิดก็ยิงเห็นความชั่วร้ายที่คนทรยศทำลายชีวิตของเพื่อนที่เคยขุนมาตลอดได้ มันก็คงทรยศกับใครต่อใครได้ต่อไป ขอให้มันได้เงินเถิดมันทำได้ทุกอย่าง คนเช่นนี้เห็นจะเอาเลี้ยงไว้ไม่ได้เสียแล้ว ก็พอดีเรือก็มา ถึงจุดที่นัดหมายก็เห็นชายผู้นั้นยืนคอยอยู่ที่ริมตลิ่งคำถามคำแรกของชายผู้นั้นที่พูดออกว่า เอาเงินมาหรือเปล่า
คหบดีผู้นั้นตอบออกมาเสียงขุ่นๆ ว่า เอามาอยู่ในเรือแล้ว ชายผู้นั้นดีใจจับกาบเรือเหนี่ยวเข้าใกล้ตลิ่ง มิได้สนใจอะไรมากกว่าถุงเงินที่วางอยู่ในเรือ คหบดีชี้ให้ดูแล้วพูดว่า เงินอยู่ที่ใต้ท้องเรือครบแล้วยี่สิบสามชั่งยกขึ้นไปซิ เมื่อเรือจอดนิ่งสนิทผู้โซ่หัวเรือไว้กับต้นไม้แล้ว ชายผู้นั้นก็รีบตาลีตาลานหิ้วถุงเงินขึ้นไปบนฝั่ง แล้วแก้เชือกปากถุงเอามือล้วงเข้าไปในถุง กอบเอาเงินเหรียญบาทออกมา ตาลุกด้วยความดีใจ เห็นจะเป็นเพราะเกิดมายังไม่เคยพบเห็นเงินมากมายเพียงนี้ เอามือกอบขึ้นมาแล้วก็โปรยกลับลงไปในถุงอย่างทารกได้ของเล่นที่ถูกใจ
ทันใดนั้นคหบดีก็แอบหยิบปืนที่เหน็บไว้ข้างเอวจ้องยิงอย่างเผาขน เพราะได้ตัดสินใจครั้งสุดท้ายเมื่อขณะชายผู้นั้นกำลังเพลินอยู่กับถุงเงิน เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด กระสุนตัดออกทางไหล่ข้างขวา ชายผู้นั้นมัวเพลินจนเผลอตัวกำลังดีใจกับถุงเงิน เมื่อถูกกระสุนไม่ทันรู้ตัวก็ร้องโอยแล้วเอามือซ้ายจับหัวไหล่ที่ตรงถูกกระสุนแล้วร่างก็เซลงไปพิงต้นไม้ใหญ่แล้วร้องด้วยเสียงกระเส่าว่า มาฆ่าผมทำไม เมื่อมองเห็นคหบดีกำลังจ้องจะยิงมาอีกก็ตกใจ รีบร้องขอความเห็นใจว่า อย่ายิงผมเลย ผมไม่เอาแล้วเงินทองผมไม่ต้องการ ขอชีวิตผมเถิด อย่าฆ่าผมเลย ชายผู้นั้นก็เอามือซ้ายกุมแผลที่ไหล่เลือดไหลออกมาเปื้อนเสื้อแดงไปทั้งตัวแล้วร้องขอชีวิตซึ่งคหบดีผู้นั้นยืนถือปืนจ้องอยู่ตรงหน้า เมื่อเห็นชายผู้นั้นกลัวตายร้องขอชีวิตจึงพูดด้วยเสียงดุดันว่า คนอย่างเอ็งมันควรจะตายแล้ว อยู่ไปก็เป็นเสนียดแก่แผ่นดินเปล่าๆ ความโลภของเอ็งสามารถจะทำลายเพื่อนรักได้ลงคอ เพื่อนที่เคยเลี้ยงดูเอ็งมายังทำได้ลงคอ เพียงเงินเท่านั้นเอ็งก็ทำได้ เมื่อเอ็งเป็นคนสนิทของข้าแล้ว ในไม่ช้าข้าจะต้องตายด้วยความโลภของเอ็ง ฉะนั้นข้าจึงได้ตัดสินใจแล้วว่าต้องทำลายเอ็งเสียก่อนเพื่อป้องกันตัว ข้าคิดแล้วว่าการฆ่าคนชั่วอย่างเอ็งคงไม่บาปมากนัก เพราะเอ็งก็ทำบาปมามากก่อนที่เอ็งจะตายข้าจึงบอกให้เอ็งรู้ความจริงเสียก่อนถึงความจำเป็นที่จำต้องฆ่าเอ็ง เมื่อเอ็งรู้ความผิดว่า ทำไมเอ็งถึงได้ถูกฆ่าเพราะจิตชั่วใจทรามของเอ็ง ที่ต้องตายในครั้งนี้เพราะความผิดของเอ็งที่ไม่มีความซื่อต่อใคร ข้าไม่กล้าเลี้ยงเอ็งไว้ใช้จะเป็นภัยแก่ข้าเพราะคนอกตัญญูอย่างเอ็งเลี้ยงไม่ได้ เมื่อรู้ความจริงแล้วเอ็งจะโกรธข้าน้อยลง ฉะนั้นลูกปืนนัดแรกยิงเพื่อสั่งสอนให้เอ็งรู้ตัวก่อนตาย จึงยิงตัดกำลังแขนเพื่อให้เอ็งบาดเจ็บไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้า บัดนี้เอ็งก็รู้แล้วว่าเอ็งจะต้องตายเพราะอะไร ถ้าเอ็งเป็นคนดีก็ไม่ต้องตายอย่างนี้ เมื่อรู้แล้วก็อย่าจองเวรจองกรรมกับข้าเลย จงเตรียมตัวเตรียมใจข้าจะยิงตัดขั้วหัวใจส่งให้ชีวิตเอ็งจะได้ตายอย่างสนิทไม่ต้องทรมานกระวนกระวายต่อไป พูดแล้วก็ยกปืนจ้องตรงหัวใจทัดใดนั้นชายผู้นั้นตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ หยุดก่อน อย่าเพิ่งฆ่าผมเลย ผมกลัวสงสารผมเถิด ผมยังไม่อยากตาย จะให้ผมทำอะไรผมทำได้ทั้งนั้น ผมไม่ยอมคิดทรยศต่อท่าน จะให้ผมสาบานอย่างไร ผมก็ยอมทั้งสิ้น ขอเพียงอย่าฆ่าผมเลย ไว้ชีวิตผมเถิด ชายผู้นั้นพูดโอดครวญอย่างน่าสงสาร เพราะเวลากลัวตายอะไรก็รับปากได้ทั้งนั้น แต่คหบดีผู้นั้นมิได้ใจอ่อนสงสารชายผู้นั้นเพราะรู้นิสัยสันดานของมันดี ร้องขอชีวิตเมื่อสิ้นท่า เมื่อปล่อยให้มันมีโอกาส มันก็แว้งกัดเหมือนงูพิษเมื่อนั้น ฉะนั้นคหบดีผู้นั้นจึงพูดว่า
มันสายเกินไปที่เอ็งจะโอดครวญขอชีวิตเสียแล้ว ขอให้เอ็งสงบจิตสงบใจรับกรรมของเอ็ง ข้าก็เห็นใจ ทุกคนก็กลัวตายด้วยกันทั้งนั้น แม้แต่ตัวข้าเองก็กลัว แต่ครั้งนี้คนจะตายไม่ใช่ตัวข้าจึงไม่กลัว เอ็งก็เคยฆ่าคนมามากแล้ว ทุกคนที่เอ็งฆ่าเขาก็กลัวตายทั้งนั้น เมื่อถึงตัวเอ็งบ้างก็อย่าได้ขอชีวิตเลยไม่มีหวังหรอก ทันใดนั้นชายผู้อ้อนวอนขอชีวิตนั้นรู้ตัวแน่ว่าไม่มีหวังจะรอดชีวิตก็กลายเป็นโกรธแค้นด่าว่าออกมาอย่างคนมีอารมณ์บ้าว่า มึงฆ่ากูครั้งนี้ กูตายกูจะขอจองเวรกับมึง ไม่ให้มึงมีความสุขในชาตินี้...
ชายผู้นั้นยังพูดไม่ทันขาดคำ คหบดีผู้นั้นไม่อยากฟังเสียงแช่งด่าที่ไม่เป็นมงคลต่อไปอีก เสียงปืนในมือของคหบดีก็ลั่นออกไปลูกปืนตัดขั้วหัวใจ ชายผู้นั้นซึ่งอ้าปากยังด่าไม่จบคำก็คอพับตรงโคนต้นไม้สิ้นใจจบชีวิตชั่วลงทันที
เมื่อชายผู้นั้นตายแล้ว คหบดีก็ลากศพลงเรือของชายผู้นั้นซึ่งเอาซ่อนไว้ในพงหญ้าริมตลิ่งแล้วลากเรือขึ้นมาเกยตื้นกว่าน้ำจะขึ้นเรือจะลอยลำออกจากตลิ่งได้ก็วันรุ่งขึ้น เมื่อกลบเกลื่อนหลักฐานมิได้ทิ้งร่องรอยไว้ แน่ใจว่าเรียบร้อยแล้วคหบดีผู้นั้นก็เก็บถุงเงินใส่เรือแล้วก็พายเรือกลับบ้านด้วยความสงบภายนอกนั้นคล้ายจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นเพราะไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้เป็นหลักฐาน แต่ภายในจิตใจนั้นมีความตื่นเต้นเพราะรู้ตัวเองได้ฆ่าคนถึงสองชีวิต ชีวิตหนึ่งจ้างฆ่าโดยไม่ต้องเสียเงิน แต่อีกชีวิตฆ่าด้วยมือของตัวเอง
เหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นรู้สึกตัวว่าหาความสุขไม่ได้บางครั้งก็ทำให้คหบดีผู้นั้นสะดุ้งหวาดกลัวกรรมจะตามสนองพยายามไม่คิดอยากจะลืมให้หมดสิ้นไป พยายามหางานทำให้เพลิดเพลิน เวลาก็ผ่านไปได้ เมื่อไรว่างนึกเรื่องอดีตก็รู้สึกเสียวแปลบๆ ขึ้นทางหัวใจ เหมือนมีชีวิตอยู่ด้วยความกลัวตลอดมา เมื่อเวลาเผลอๆ ก็อยากจะประกาศตะโกนก้องร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่าตัวกู้นี้ฆ่าคนไปสองศพแล้วเหมือนจะมีอะไรบังคับให้สารภาพ แต่ก็ระงับไว้ได้ก่อนจะร้องออกมา บางครั้งรู้สึกว่าขาดสติเคลิบเคลิ้มไปเหมือนไม่ใช่ตัวเอง บางครั้งหูได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิงและเด็กเสียงสะอึกสะอื้นคร่ำครวญร่ำไห้ถึงผัวและพ่อ เมื่อเมียต้องขาดผัวลูกต้องขาดพ่อ ได้รับความทุกข์ลำบากยากแค้นเพียงใดฟังแล้วต้องสะดุ้งหวาดเหมือนประสาทหลอนจิตใจฟั่นเฟือนครองสติไม่อยู่เกิดความคลุ้มคลั่ง เมื่อได้สติรู้สึกตัวว่าทำไมจิตใจคิดฟุ้งซ่านไม่มีความสงบ ยิ่งนานวันยิ่งรู้สึกมากขึ้นเหมือนจะเป็นโรคประสาทได้ไปหาหมอรักษาประสาทก็ไม่หายมีแต่จะมากขึ้น หมอที่ไหนดีก็ไปเชิญมารักษาแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ที่สุดนอนหลับๆ ก็สะดุ้งตื่นเกิดหวาดผวากลัวเหมือนมีใครคอยจ้องจะฆ่า บางครั้งถึงร้องโวยวายกลางดึก เมื่อนึกถึงชายที่ถูกฆ่าก่อนตายได้ร้องบอกว่า
มึงฆ่ากูครั้งนี้ กูตายแล้วก็จะไม่ให้มึงมีความสุข พอนึกขึ้นก็เสียวเข้าหัวใจ คหบดีผู้นั้นทรมานในความรู้สึกมานานจนมีผู้แนะนำให้ไปหาหลวงพ่อองค์หนึ่ง ท่านนั่งทางในดูแม่นยำมาก พวกญาติจึงพาคหบดีผู้นั้นเดินทางไปหาหลวงพ่อเพื่อขอให้ท่านช่วยดู แต่เมื่อหลวงพ่อท่านนั่งดูแล้วก็บอกว่า โรคนี้รักษาไม่หาย จะเป็นอย่างนี้อยู่ตลอดไป เพราะเป็นโรคกรรมบาปหรือจะพูดว่า บาปฝังใน มีทางเดียวที่จะทำให้โรคนี้เบาบางหรือหายได้ก็ต้องอาศัยบารมีบวชอยู่ในพระพุทธศาสนาด้วยความเลื่อมใสศรัทธาด้วยจิตบริสุทธิ์เพื่อแผ่ส่วนกุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวรตลอดไป อาการสะดุ้งหวาดกลัวชั่วร้ายที่ติดตามอยู่ตลอดเวลาก็จะเบาบางลงหรืออาจพ้นทุกข์ก็ได้ เมื่อทำจิตใจเพื่อตัดความกังวลตัดกิเลสตัณหาตัดความรู้สึกฟุ้งซ่านให้สิ้นไป ตอนสุดท้ายคหบดีก็ตัดสินใจเข้าอุปสมบทเป็นสาวกอาศัยบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามที่หลวงพ่อองค์นั้นท่านแนะนำ
ข้าพเจ้ากับเพื่อนได้ฟังพระภิกษุสูงอายุเล่าเรื่องอย่างยืดยาว หากมีตอนใดที่สงสัยข้าพเจ้าก็นมัสการถามท่านตอนหลังนี้ข้าพเจ้านมัสการถามท่านว่า ทำไมหลวงพ่อจึงจำเหตุการณ์ของคหบดีผู้นั้นได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนเช่นนี้ ท่านยิ้มแล้วก็บอกว่า คหบดีผู้นั้นมิใช่ใครที่ไหนคือตัวอาตมาเอง
เราจึงร้องขึ้นพร้อมกันว่า อ้อ แล้วท่านจึงพูดต่อไปว่าเวลาผ่านไป ความอาญาแผ่นดินในข้อหาฆ่าคนตายก็หมดอายุความไปนานแล้ว อาตมาจึงเล่าให้คุณฟัง ถ้าจะต้องใช้กรรมเข้าไปติดคุกติดตารางก็คงพ้นโทษออกมาเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วดีกว่าต้องรับบาปกรรมทางใจนี้ซิไม่รู้จักหมดสิ้นแต่ก็คิดว่าหากอาตมายังไม่เข้ามาในร่มโพธิ์ของพระพุทธศาสนา ชีวิตของอาตมาก็คงจะไม่มีโอกาสอยู่ถึงปัจจุบันนี้เพราะอาตมาทนความทุกข์ทรมานทางใจไม่ไหว เพราะกลัวจนขาดสตินึกอยากจะฆ่าตัวตายหลายครั้งแล้วเพื่อหนีความทุกข์ให้พ้นไปจากโลกมนุษย์ เคราะห์ยังดีที่ได้มาอาศัยผ้าเหลืองด้วยบารมีของพุทธศาสนา อาตมาได้ทำลายมนุษย์ที่ชั่วร้าย แต่บาปนั้นก็ยังเกาะกินใจได้ระบายความรู้สึกที่เกิดขึ้นให้คุณฟังมาแล้ว ความทุกข์ที่เคยเกิดขึ้นทางใจแทบจะทนไม่ไหวเกือบจะเป็นบ้าฆ่าตัวตาย จะได้เป็นตัวอย่างแก่คนรุ่นหลังต่อไป
ข้าพเจ้าถามท่านว่า เมื่อหลวงพ่อบวชแล้วมีความรู้สึกเรื่องบาปทางใจนั้นยังติดตามมารบกวนอีกหรือเปล่า หลวงพ่อท่านยิ้มแล้วตอบด้วยอารมณ์ดีว่า แรกๆ ก็ติดตามมาทำให้สะดุ้งหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ไม่มากไม่ร้ายแรงเหมือนเมื่อยังเป็นฆราวาส ต่อมาเมื่อรู้สึกตัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอาตมาก็รีบเข้านั่งสมาธิทำจิตให้สงบไม่ยอมคิดไม่ยอมรับรู้อะไรทั้งหมด ทำจิตให้นิ่งเป็นสมาธิตามที่อาจารย์ท่านสอน เมื่อจิตสงบแล้วก็สวยมนต์หมดกังวงในสิ่งใด เอาจิตจดจ่อในบทสวดมนต์แล้วก็แผ่กุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวรเหมือนท้องฟ้ามืดมัวกำลังจะเกิดพายุใหญ่ เมื่อได้ปฏิบัติแล้วท้องฟ้าก็ปลอดโปร่ง เมฆฝน ลม พายุ ก็หายไป เหตุการณ์เช่นนี้ก็ค่อยๆ คลายไปน้อยลง เมื่อรู้สึกตัวว่าจิตใจจะฟุ้งซ่านก็รีบสวดมนต์ เหตุการณ์จะเกิดขึ้นทางจิตใจก็สงบลง บัดนี้จิตใจของอาตมาก็เข้าสู่ความสงบปรกติแล้ว เหตุการณ์ก็ไม่เกิดขึ้นอีก แต่อาตมาก็ยังแผ่ส่วนกุศลแผ่เมตตาทุกครั้งหลังจากสวดมนต์แล้ว เห็นจะเป็นเพราะบารมีพุทธศาสนาในร่อผ้ากาสาวพัสตร์คุ้มครองผู้ปฏิบัติธรรม เรื่องของอาตมาบัดนี้ทุกสิ่งได้เข้าสู่ความเป็นปรกติ ในชีวิตของอาตมาก็จะขออยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ตลอดไป นี่อาตมาเล่าให้โยมฟังเป็นครั้งแรกและเป็นคนแรก และเห็นจะเป็นครั้งสุดท้าย
หลังจากสนทนานานพอสมควรแล้ว เราก็พากันนมัสการลาท่านกลับ